Adventure Playground

Memo: April 14, 2020

เมื่อสนามเด็กเล่นที่อันตรายที่สุด กลับเป็นสถานที่ที่สร้างสรรค์ที่สุด และปลอดภัยที่สุด แล้วทำไมเราไม่ออกแบบวิธีการเรียนรู้ให้อันตรายบ้าง?

บทความ why safe playgrounds aren’t great for kids ของ Vox เล่าถึง "สนามเด็กเล่นผจญภัย" ที่ไม่มีสไลเดอร์และเครื่องเล่นพลาสติกที่เราคุ้นเคย แต่เต็มไปด้วยวัสดุและเครื่องมือช่างอย่างล้อรถ กระดานไม้ ค้อน และตะปู ซึ่งออกแบบมาให้เด็กๆ กล้าที่จะแบกรับความเสี่ยงมากขึ้น

Marjory Allen นักภูมิสถาปนิก เล่าว่าการที่เด็กๆ ได้เล่นกับเครื่องมือที่อันตราย ลงมือขุด ก่อสร้าง และคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ด้วยตัวเอง จะช่วยสร้างความมั่นใจในตัวเองจากการก้าวข้ามความเสี่ยง ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้เป็น controlled risk ที่เราควบคุมได้

ที่น่าสนใจคือ สนามเด็กเล่นเหล่านี้ปลอดภัย เพราะเมื่อเด็กได้รับเครื่องมือที่อันตรายและมีจุดประสงค์ชัดเจนอย่างค้อนและตะปู เขาก็จะเห็นว่าตัวเองถูกทรีทแบบเป็นผู้ใหญ่ จะระมัดระวังและกล้าทดลองมากขึ้น

ต่างจากสนามเด็กเล่นทั่วไปที่ดูปลอดภัยและน่าเบื่อ เด็กๆ ก็จะหาทางเล่นให้อันตรายขึ้น โดยที่พื้นที่ไม่ได้ควบคุมไว้ก่อน เช่นการกระโดดจากที่สูง ซึ่ง Marjory Allen เรียกสนามเด็กเล่นอเมริกันว่าเป็นสวรรค์ของผู้ใหญ่ แต่เป็นนรกของเด็ก

เหตุผลนึงที่เราลาออกจากโรงเรียน ไม่อยากเรียนมหาวิทยาลัยไทย และเป็นปรปักษ์กับระบบการศึกษา เพราะเราเห็นว่าการเรียนรู้ในไทย มันเป็นการเรียนรู้ที่ "ปลอดภัยจนเกินไป" จนทำให้มันไม่สนุก

บรรทัดฐานของสังคมไทย เราคาดหวังว่าคุณครูจะต้องรู้ทุกเรื่อง เด็กจะต้องเรียนตามหลักสูตร และผลลัพธ์ทุกอย่างต้องอยู่ในคู่มือครู เรียนแล้วจะมีสอบและมีเกรดตามนี้ นักเรียนถูกทรีทว่าเป็น "เด็ก" ที่ต้องเรียนและสอบอย่างเดียว เราไม่สามารถคิดค้นและ contribute อะไรได้

ทั้งๆ ที่เราเชื่อว่าการเรียนรู้ที่สนุกจริงๆ เป็นการเรียนรู้ที่คนเรียนกับคนสอนร่วมกันผจญภัยไปยังดินแดนที่ไม่รู้ด้วยกัน อยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่เป็น controlled risk ที่ปลอดภัย โดยที่ครูต้องกล้าบอกว่าตัวเองไม่รู้ กล้าที่จะล้มเหลว กล้าที่จะเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

เราเลยเกลียดมาก เวลาได้ยินคุณครูฟันธงว่า "โปรเจคนี้ไม่เวริคหรอก" "มาทำโครงงานอันนี้ดีกว่า" "อันนี้เสียเวลา" เพราะคุณลืมไปว่าจุดประสงค์ของการเรียนรู้คือการได้เดินทางเพื่อค้นพบ มันคือ journey to discovery ไม่ใช่เรียนไปแค่ให้จบ

ไม่ว่าคุณจะใช้ Active Learning, Discussion Classroom, Project-based Learning หรือ Flipped Classroom ผลสุดท้ายก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเดิมหรอก ถ้ามันยังปลอดภัยและขาดการค้นพบจนเกินไป เพราะคุณยังอยู่ในเรือลำเดิม และไม่กล้าพายเรือไปยังดินแดนนั้นอยู่ดี

เราเห็นในไทยเริ่มมีโปรเจคอย่าง "เจ๊งก่อนจบ" ของจุฬา หรือโครงการในโรงเรียนเอกชนที่ให้เด็กมัธยมตั้งบริษัท Social Enterprise เอง ซึ่งเราว่า

นี่เป็นเหตุผลที่เราสร้างโปรเจค Creator's Playground เพราะเราอยากให้มันเป็น "Adventure Playground" ที่ก่อให้เกิด "Risky Play" ที่ทุกโปรเจคคือการทดลอง การผจญภัย

#principle#learning#AdventurePlayground#LaunchAMonth